Ford ปะทะ Ferrari ศึกชิงความเป็นใหญ่ ในวงการรถสปอร์ต /โดย ลงทุนแมน
การแข่งขันระหว่างบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน ถือเป็นเรื่องปกติของวงการธุรกิจ
แต่ถ้าพูดถึงการแข่งขันที่กลายเป็นตำนานเรื่องเล่าขานนั้น คงมีไม่มาก
เหตุการณ์ศึกชิงความเป็นใหญ่ในวงการรถสปอร์ตระหว่าง Ford และ Ferrari
ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์การแข่งขันหนึ่งที่ดุเดือด ที่หลายคนน่าจะเคยได้ยิน
แต่รู้หรือไม่ว่าก่อนที่ทั้งสองจะกลายเป็นคู่แค้นคู่อาฆาตกันนั้น
ทั้ง Ford และ Ferrari เคยเกือบจะควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน
แล้วเพราะเหตุใดจึงทำให้ทั้งสองแตกหักกันและบทสรุปนั้นเป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 1960
เมื่อ Ford เจ้าใหญ่แห่งวงการรถยนต์กำลังเสื่อมความนิยมลง
จากผลิตภัณฑ์ช่วงหลังที่ล้มเหลวมาโดยตลอด อย่างเช่น โมเดลรถยนต์รุ่น Edsel
ซึ่งสวนทางกันกับคู่แข่งอย่าง GM และ Chrysler ที่กำลังได้กระแสตอบรับที่ดี
Henry Ford II ซีอีโอ ณ ขณะนั้น ซึ่งเป็นหลานชายคนโตของผู้ก่อตั้งบริษัท จึงต้องคิดหาวิธีกู้สถานการณ์ให้ Ford กลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง
นั่นจึงทำให้เขาตัดสินใจไปปรึกษาหารือกับ Lee Iacocca ผู้จัดการฝ่าย ซึ่งก็ได้คำแนะนำกลับมาว่า ถึงเวลาแล้วที่ Ford ต้องลงไปลุยวงการรถสปอร์ต
เนื่องจากเวลานั้นเป็นช่วงที่การบริโภคของกลุ่มประชากร Baby Boomer ถือเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจ พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้มองเหมือนคนรุ่นก่อนที่ต้องการเพียงรถยนต์สำหรับขับขี่ได้เท่านั้น
แต่ต้องการรถยนต์ที่ส่งมอบความเร็วและประสิทธิภาพที่สูง
ซึ่งภาพลักษณ์ของ Ford ยุคนั้น
คนวัย Baby Boomer มองว่าเป็นรถยนต์ที่คร่ำครึ ไม่ทันสมัย
จึงทำให้กลุ่มคนวัยนี้ไม่นิยมซื้อรถยนต์แบรนด์ Ford
ดังนั้น โจทย์ที่ตามมาก็คือ หากดึงดูดกลุ่มลูกค้านี้มาได้
มันก็มีโอกาสที่จะทำให้ยอดขายของ Ford กลับมาเติบโตอีกครั้ง
แต่ปัญหาใหญ่สำหรับ Ford ก็คือ บริษัทไม่มีรถสปอร์ตอยู่ในไลน์การผลิตของตัวเองเลย
และที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น บริษัทยังไม่ได้มีแผนที่จะสร้างอีกด้วย
พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงทำให้เหล่าผู้บริหารต้องมองหาทางออกใหม่และก็ได้คำตอบคือการซื้อบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตโดยตรงเลย
ซึ่งเป็นจังหวะเดียวที่ Ferrari ค่ายรถสปอร์ตจากอิตาลี กำลังมองหาพันธมิตรใหม่อยู่พอดี
เพราะมีปัญหาเรื่องรายได้ของการขายรถยนต์โตไม่ทันค่าใช้จ่ายที่ลงไปกับงานแข่งขัน
จึงต้องการเงินสนับสนุนเพื่อให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้
ต้องบอกว่า Ferrari ถือเป็นราชาแห่งวงการรถยนต์สำหรับแข่งขันในยุคนั้น
แฟน ๆ รถยนต์ต่างพากันคลั่งไคล้ เพราะไม่ว่าจะลงแข่งรายการไหน
Ferrari ก็มักจะได้รางวัลอยู่เสมอ ซึ่งก็ดูตรงกับสิ่งที่ Ford ต้องการอย่างพอเหมาะพอเจาะ
ถึงตรงนี้ ก็ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะจบอย่างสวยงาม
เพราะต่างฝ่ายต่างสามารถเติมเต็มกันได้อย่างดี
แต่เรื่องราวหลังจากนี้ กลับไม่เป็นไปตามนั้น
เพราะ Ferrari กลับปฏิเสธข้อเสนอการขายหุ้นให้กับ Ford
เนื่องจากพวกเขามองว่าข้อตกลงไม่เป็นไปตามที่พูดคุยกัน
ทั้งการที่ Ford จะเป็นคนเข้ามาคอยควบคุมงบประมาณของบริษัท
การเสนอมูลค่าหุ้นที่ต่ำกว่าที่ตั้งไว้และที่เป็นปัญหาสำหรับ Ferrari ที่สุด คือการห้ามลงรายการแข่งขันรถยนต์อีกต่อไป
Ferrari ผู้มีใจรักการแข่งขันจึงหันไปขายหุ้นให้กับ Fiat ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอิตาลีแทน
นอกจากนี้ Enzo ผู้ก่อตั้ง Ferrari ยังบอกว่า ไม่มีทางขายหุ้นให้กับบริษัทที่น่าเกลียด ที่มีรถยนต์หน้าตาน่าเกลียดและถูกผลิตโดยโรงงานที่ดูน่าเกลียดอีกด้วย
เมื่อข่าวนี้มาถึง Ford ทั้ง Henry Ford II และเหล่าผู้บริหารต่างพากันปรี๊ดแตก
พวกเขาจึงวางแผนใหม่ทั้งหมด เพื่อเตรียมตัวสำหรับการล้างแค้น
โดยแผนใหม่ที่ว่านั้นก็คือ Ford จะเข้าร่วมรายการแข่งขันรถยนต์ที่ชื่อว่า เลอม็อง 24 ชั่วโมง
ซึ่งเป็นการแข่งขันรถยนต์วิ่งรอบสนามต่อเนื่องกัน 1 วันเต็ม ซึ่งผู้ที่ทำระยะได้มากที่สุดเป็นผู้ชนะ
จากเป้าหมายของการแข่งขันเลอม็อง 24 ชั่วโมง ก็ถือเป็นรายการที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเกียรติยศ ที่ค่ายรถยนต์ทั่วโลกจะส่งรถยนต์ที่ดีที่สุดเพื่อมาพิสูจน์ว่าใครกันแน่
ที่เป็นอันดับ 1 ของรถยนต์ ทั้งในแง่ความเร็วและความทนทาน
และอย่างที่เราน่าจะพอคาดเดาได้
อันดับ 1 ที่ผ่านมาล้วนเป็นของค่ายรถยนต์อย่าง Ferrari
ซึ่งหาก Ford ชนะในการแข่งขัน จะเป็นการตบหน้า Ferrari ครั้งใหญ่
Ford ไม่รอช้า เปิดโปรเจกต์ใหม่ขึ้นมาชื่อว่า “Ferrari Killer” เป็นโปรเจกต์พิเศษสำหรับสร้างรถสปอร์ตที่จะสามารถมาคว้าชัยจากการแข่งขันนี้โดยเฉพาะและก็ได้ให้กำเนิดรถยนต์ Ford รุ่น GT40 ขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม Ford GT40 ก็ยังไม่สามารถเอาชนะการแข่งขันได้
แม้ว่าจะทุ่มทรัพยากรไปมากเพียงใดก็ตาม ทั้งบุคลากรและเม็ดเงิน
แต่ Ford ก็ยังไม่สามารถสร้างรถยนต์ให้วิ่งจนจบรายการได้เลย
เมื่อ Ford ประเมินแล้วว่าตนไม่สามารถพัฒนารถยนต์ให้ดีขึ้นพอที่จะแข่งขันกับ Ferrari ได้
จึงตัดสินใจมอบทั้งโปรเจกต์นี้ให้ Carroll Shelby นักออกแบบรถยนต์ อดีตนักซิ่งที่เคยชนะการแข่งขันเลอม็อง เป็นคนดูแล
ซึ่ง Shelby ก็ได้เชิญชวนเพื่อนที่รู้ใจอย่าง Ken Miles นักขับและวิศวกรเครื่องกลเพื่อมาช่วยพัฒนารถยนต์ด้วยกัน
ทั้งคู่ร่วมด้วยวิศวกรจาก Ford นำ GT40 กลับมาพัฒนาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
เพราะทั้งคู่เห็นว่าศักยภาพของ GT40 ยังต่อยอดให้กลายเป็นรถยนต์ที่ทรงพลังได้
และแล้วก็ได้ให้กำเนิดรถยนต์รุ่นต่อมาคือ GT40 Mk II
จากการทำงานหนักทั้งหมดของพวกเขา
โปรเจกต์ Ferrari Killer ก็เริ่มผลิดอกออกผล
จนในที่สุด รถยนต์ของ Ford ไม่เพียงชนะ Ferrari เท่านั้น
แต่ยังทำให้ค่ายรถยนต์จากอิตาลีต้องอับอาย
จากการที่ Ferrari ไม่มีรถที่ติดอันดับ 1 ใน 3 เลย
เพราะอีก 2 คันที่เหลือก็เป็นเจ้า GT40 Mk II เช่นกัน
รวมถึงรายการแข่งขันอื่น ๆ เช่น 12 ชั่วโมง ซีบริง และ 24 ชั่วโมงของเดย์โทนา
Ferrari ก็ไม่สามารถเอาชนะ Ford ได้เลย
ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้กับ Henry Ford II เป็นอย่างมาก
เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของ Ford เปลี่ยนแปลงไป
จากเดิมที่ผู้คนเคยมองว่าคร่ำครึ โบราณ กลับกลายเป็นรถยนต์ที่ทันสมัยอีกครั้ง
และ GT40 Mk II ได้กลายเป็นความภาคภูมิใจในวงการรถยนต์ของชาวอเมริกัน
รวมถึงเป็นรถยนต์รุ่นแรกของ Ford ที่มีราคาเกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย
น่าเสียดายที่เวลาต่อมา Miles เสียชีวิตก่อนที่เขาจะได้แข่งที่เลอม็องอีกครั้ง
เนื่องจากรถยนต์เสียการควบคุมขณะที่กำลังทดสอบ
แม้ว่า Ford จะสูญเสียบุคลากรสำคัญอย่าง Miles ไป
แต่หลังจากการแข่งขันครั้งนั้น ปี 1967 ถึง 1969 Ferrari ก็ยังไม่เคยกลับมาชนะได้อีกเลย
จนกระทั่งปี 1970 ที่ Ford ถอนตัวจากการแข่งขันไป Ferrari จึงกลับมาอีกครั้ง
จากเรื่องราวครั้งนี้ทำให้เห็นว่า Ford กับ Ferrari เคยเกือบควบรวมเป็นบริษัทเดียวกันมาก่อน
แต่ในเมื่อเจ้าของทั้ง 2 บริษัท มีความเห็นไม่ลงรอยกัน จึงได้นำไปสู่ความขัดแย้ง
แต่ก็ใช่ว่าความขัดแย้งซึ่งนำไปสู่การแข่งขันจะเป็นเรื่องเลวร้ายเสมอไป
เพราะหากเราดูจากเหตุการณ์ที่ทั้ง 2 บริษัท แข่งขันกันเพื่อเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์
เจ้าแห่งความเร็วและความอึดทนทาน ก็ทำให้ทั้ง 2 บริษัทสามารถพัฒนารถยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Ford และ Ferrari ยังคงดำเนินธุรกิจมาอย่างแข็งแกร่งและยาวนานขนาดนี้ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.forbes.com/wheels/news/ford-vs-ferrari-the-real-story-behind-the-most-bitter-rivalry-in-auto-racing/
-https://time.com/5730536/ford-v-ferrari-true-story/
-https://www.businessinsider.com/real-story-behind-ford-v-ferrari-oscars-2020-2
-https://en.wikipedia.org/wiki/Ferrari
-https://en.wikipedia.org/wiki/Lee_Iacocca
同時也有5部Youtube影片,追蹤數超過66萬的網紅げんじ/Genji,也在其Youtube影片中提到,<目次> 0:00 オープニング 2:04 7×7 / CRAZY BORDER TEE 4:13 UNUSED / US1949 5:10 Steven Alan / BORDER SHORT SLEEVE TEE 5:55 JIL SANDER + / TShirt 6:10 BED j.w. ...
「ford wiki」的推薦目錄:
- 關於ford wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於ford wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於ford wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於ford wiki 在 げんじ/Genji Youtube 的最佳貼文
- 關於ford wiki 在 Steve's POV Steve's Point of View スティーブ的視点 Youtube 的最佳貼文
- 關於ford wiki 在 TJ VLOG Youtube 的最佳貼文
- 關於ford wiki 在 'ford' tag wiki - Motor Vehicle Maintenance & Repair Stack ... 的評價
ford wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
มหากาพย์ โดริโทส /โดย ลงทุนแมน
ตั้งแต่ลงทุนแมนเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจขนมมา เรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่สนุกที่สุด ซึ่งเราจะไม่มีทางเดาได้เลยว่า โดริโทส เกิดขึ้นมาได้อย่างไร จนกว่าจะอ่านบทความนี้จบ
แนะนำให้อ่านดู รับรองว่าจะวางไม่ลง
หลายคนอาจจะคิดว่า Lay’s, Doritos และ Cheetos คือแบรนด์ขนมอบกรอบที่กำลังแข่งขันกันในหลายประเทศทั่วทุกมุมโลก
แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่แบบนั้นเพราะแบรนด์ทั้งหมดนี้ผลิตมาจากบริษัทเดียวกัน นั่นก็คือ “Frito-Lay”
ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทในเครือ PepsiCo ผู้ผลิตเป๊ปซี่และเครื่องดื่มชื่อดังอีกหลายยี่ห้อ
หากย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น บริษัท Frito-Lay เกิดมาจากการควบรวมกิจการของ 2 บริษัท
บริษัทแรก ชื่อว่า H.W. Lay & Co. ที่มีผลิตภัณฑ์หลักอย่างมันฝรั่งทอดกรอบยี่ห้อ Lay’s
บริษัทที่สอง ชื่อว่า The Frito Co. ที่ใช้ข้าวโพดเป็นวัตถุดิบหลักของขนมอบกรอบหลากหลายยี่ห้อ
โดยขนม 3 ใน 4 ยี่ห้อที่ขายดีที่สุดของ Frito-Lay
ซึ่งก็ได้แก่ Fritos, Doritos และ Cheetos ล้วนถูกคิดค้นโดยบริษัท The Frito Co.
แล้วจุดเริ่มต้นของขนมอบกรอบเหล่านี้มีเรื่องราวน่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปกว่า 90 ปีก่อน ในช่วงทศวรรษ 1930s ที่รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา
ครอบครัว Doolin ได้เปิดร้านขายขนมหวานขนาดเล็กที่ชื่อว่า The Highland Park
โดยมีสินค้าหลักคือไอศกรีม ที่ทางร้านซื้อมาจากซัปพลายเออร์ 2 เจ้า
แต่พอเริ่มกิจการได้ไม่นาน เหล่าซัปพลายเออร์ไอศกรีมก็แข่งกันตัดราคาขายเพื่อแย่งชิงลูกค้า ส่งผลให้ไอศกรีมมีคุณภาพลดลง จนทำให้ยอดขายของทางร้านลดลงตามไปด้วยและยังถูกซ้ำเติมด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ของสหรัฐอมริกา
หนึ่งในลูกชายของครอบครัวนี้ที่ชื่อว่า “Charles Elmer Doolin” จึงพยายามคิดหาไอเดียขนมชนิดใหม่ ที่จะช่วยพลิกฟื้นสถานการณ์ของทางร้านได้ แต่ยังคงไม่เจอไอเดียที่เจ๋งมากพอ
Doolin ในวัย 29 ปี จึงตัดสินใจไปทำงานที่บริษัทไอศกรีมชื่อดังซึ่งอยู่อีกเมือง
ระหว่างการเดินทาง เขาก็ได้พบเข้ากับร้านขายขนมอบกรอบในปั๊มน้ำมัน
ที่ตัวขนมมีรสชาติอร่อยจน Doolin ติดใจ เขาจึงเปลี่ยนใจมาทำงานที่ร้านแผงลอยแห่งนี้แทน
เจ้าของร้านแห่งนี้เป็นชาวเม็กซิกัน ขายขนมอบกรอบที่เรียกว่า Corn Chips หรือคือขนมแผ่นทอดกรอบรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าปรุงรสด้วยเกลือ ซึ่งทำมาจากเมล็ดข้าวโพดที่นำมาบดละเอียดจนคล้ายแป้ง
แต่แม้ว่า Corn Chips จะขายดีมาก เจ้าของร้านชาวเม็กซิกันอยากกลับไปสอนฟุตบอลที่ประเทศตัวเองมากกว่า จึงประกาศขายกิจการ
นั่นจึงทำให้ Doolin สนใจซื้อกิจการต่อในทันที แต่เขามีเงินไม่พอ แต่โชคยังดีที่แม่ของเขาก็สนใจ Corn Chips และมองว่าน่าจะขายดี จึงช่วยสนับสนุนเรื่องเงินให้
Doolin ได้ตั้งชื่อกิจการ Corn Chips ของตัวเองว่า “Fritos” ที่แปลว่า ของทอด ในภาษาสเปน
Fritos ได้กลายมาเป็นกิจการใหม่ของครอบครัว Doolin
โดยเริ่มจากผลิตขนมในครัวที่บ้านและออกไปตระเวนเสนอสินค้าให้กับเจ้าของร้านค้า เพื่อให้วางขาย Fritos ซึ่งก็ถือว่าเป็นงานยากพอควร เพราะในขณะนั้น Corn Chips ไม่ได้มีเพียง Fritos ยี่ห้อเดียว
แต่ก็คงเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่ Doolin ติดใจขนมตัวนี้จนต้องขอเข้าไปทำงานด้วย เพราะสูตรขนมนี้มีรสชาติอร่อย ทำให้ขายดีจนผลิตไม่ทัน
และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ Fritos เปลี่ยนจากกิจการขนมทำมือในครอบครัว มาเป็นการผลิตที่เริ่มใช้เครื่องทุ่นแรง โดย Doolin และพี่ชายที่มีความรู้ด้านเครื่องจักรกลอยู่แล้ว ได้ช่วยกันประดิษฐ์เครื่องบดข้าวโพดอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ผลิตขนมได้เร็วกว่าการใช้เครื่องบดมือแบบเดิม
จนมาถึงช่วงทศวรรษ 1950s กิจการ Fritos ขยายการผลิตจากครัวที่บ้านมาสู่โรงงาน 2 แห่ง ที่เมืองดัลลัสและทัลซา ซึ่งได้ต้นแบบมาจากระบบสายพานที่ Henry Ford นำมาใช้ผลิตรถยนต์ รวมไปถึงได้มีไร่ปลูกข้าวโพดเป็นของตัวเอง เพื่อควบคุมคุณภาพวัตถุดิบสำคัญให้มีรสชาติดีที่สุด
ในช่วงเวลานั้นเอง Doolin ก็เริ่มคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่มาเสริม หลังจากลองผิดลองถูกในครัวที่บ้านอยู่สักพัก ก็ได้ออกมาเป็น “Cheetos” ที่ยังคงทำมาจากข้าวโพดเหมือนเดิม แต่ให้รสสัมผัสที่ฟูกว่า และให้รสชาติด้วยชีสแทนเกลือ
โดย Cheetos ก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมาก จน Doolin อยากขยายตลาดไปทั่วประเทศ
แต่ด้วยกำลังการผลิตที่บริษัทมีอยู่ตอนนั้นยังไม่เพียงพอและยังไม่มีช่องทางจัดจำหน่ายรองรับมากพอ Doolin จึงไปขอเป็นพาร์ตเนอร์กับคุณ Herman W. Lay ที่เป็นเจ้าของบริษัท H.W. Lay & Co.
Lay เริ่มขายมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบในช่วงเดียวกับที่ Doolin เริ่มขาย Fritos แต่ Lay ได้ลงทุนซื้อโรงงานและบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อขยายกำลังการผลิตไปก่อนแล้ว จึงมีความพร้อมในด้านที่ Doolin ต้องการพอดี
ความสำเร็จของ Lay ก็ต้องบอกว่ามาจากความสามารถทางธุรกิจของคุณ Herman W. Lay ที่ทำให้มันฝรั่งแผ่นทอดกรอบธรรมดาโดดเด่นขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการตลาด โดย Lay คือบริษัทขนมอบกรอบแรก ที่ซื้อโฆษณาทางโทรทัศน์และจ้างพรีเซนเตอร์ที่เป็นเซเลบริตีในปี 1944
หรืออย่างการคิดค้นรสชาติที่หลากหลาย อย่างรสบาร์บิคิวที่เริ่มขายช่วงปลายทศวรรษ 1950s และรสซาวร์ครีมและหัวหอมที่เริ่มขายช่วงปลายทศวรรษ 1970s มาจนถึงปัจจุบันที่ได้พัฒนารสชาติไปแล้วมากกว่า 200 รส
หลังจากได้เป็นพาร์ตเนอร์กับ H.W. Lay & Co. แล้ว Cheetos จึงได้เริ่มวางขายไปทั่วประเทศในปี 1948
และความสำเร็จของ Cheetos ก็ได้ทำให้ในปี 1961 บริษัท Fritos และ H.W. Lay & Co. ตัดสินใจควบรวมกิจการกัน และใช้ชื่อใหม่ว่า “Frito-Lay”
ก่อนที่ปี 1965 Frito-Lay จะควบรวมกิจการกับบริษัท Pepsi-Cola ที่เปลี่ยนชื่อมาเป็น PepsiCo ในปัจจุบัน
และนับตั้งแต่นั้นมา Frito-Lay ก็ถือเป็นบริษัทในเครือ PepsiCo นั่นเอง
แต่นอกจากโรงงานผลิตขนมอบกรอบแล้ว Doolin ยังสนใจเปิดร้านอาหารด้วย
ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ Disneyland เพิ่งเริ่มเปิดให้บริการพอดี
Doolin จึงเลือกเปิดร้านอาหารในสถานที่แห่งนี้
ในปี 1955 กิจการร้านอาหารมีชื่อว่า Casa de Fritos จึงเริ่มต้นขึ้น
โดยเน้นขายอาหารแนวฟิวชันเม็กซิกันอเมริกันและมีเมนูที่ใช้ Fritos เป็นส่วนประกอบหลักอยู่ด้วย
ส่วนวัตถุดิบหลักชนิดอื่นอย่างเช่นแป้งตอร์ติยา ทางร้านเลือกซื้อจากบริษัท Alex Foods
อยู่มาวันหนึ่งในปี 1960 พนักงานขายจาก Alex Foods เห็นว่าทางร้านต้องทิ้งแป้งตอร์ติยาที่ไม่สดแล้วในปริมาณมาก
พนักงานขายคนนั้นเลยขอลองเอาแป้งตอร์ติยาเหล่านั้นมาตัดเป็นชิ้นสามเหลี่ยมขนาดพอดีคำ
แล้วนำไปทอด และพอได้ลองชิม ทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย
เพราะแป้งตอร์ติยานั้น แม้จะทำมาจากข้าวโพดเหมือนกัน
แต่ถูกนำไปอบมาแล้ว พอนำมาทอดจึงให้รสสัมผัสที่กรอบกว่า Fritos
ร้าน Casa de Fritos จึงนำแป้งตอร์ติยาทอดไปใส่เป็นเมนูประจำ ซึ่งก็ได้รับความนิยมมาก
ซึ่งผู้ที่เล็งเห็นกระแสตอบรับที่ดีนี้ก็คือคุณ “Arch West” ที่เพิ่งเริ่มทำงานเป็นผู้บริหารด้านการตลาด ให้ Fritos ในปีนั้นเอง
และการที่คุณ Arch West ได้มาเจอกับแป้งตอร์ติยาทอดกรอบทรงสามเหลี่ยม ก็ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ที่ทำให้รายได้ของบริษัท เปลี่ยนจากหลักพันล้านบาทมาเป็นหมื่นล้านบาท
ในตอนนั้นบริษัท Frito-Lay มีสินค้าหลัก 4 ยี่ห้อ นั่นก็คือ Fritos, Cheetos, Ruffles และ Lay’s ที่สร้างรายได้ให้บริษัทราว 4 พันล้านบาทต่อปี
West เล็งเห็นโอกาสในแป้งตอร์ติยาทอดกรอบ ที่น่าจะกลายมาเป็นสินค้าขายดีชนิดใหม่ได้
จึงเสนอไอเดียนี้ให้กับทางบริษัท และตั้งชื่อว่า “Doritos” และเริ่มขายในปี 1966 ด้วยรส Toasted Corn
West ยังสังเกตว่าขนมของ Frito-Lay ในขณะนั้นส่วนใหญ่จะเป็นรสธรรมดา ซึ่งก็คือเกลือและชีส
เขาจึงอยากสร้างความแตกต่างให้กับ Doritos ด้วยการปรุงรส
ไอเดียสุดล้ำที่ West ไปนำเสนอก็คือ Doritos รส Taco หรือ ตาโก
ซึ่งเป็นชื่ออาหารเม็กซิกันชนิดหนึ่ง นั่นจึงทำให้เขาโดนหัวเราะใส่
เพราะทุกคนบอกว่านั่นมันเป็นชนิดอาหาร ไม่ใช่รสชาติ
ซึ่งที่รสตาโกดูเป็นเรื่องตลกในสมัยนั้นก็เพราะว่าเทคโนโลยีด้านรสชาติยังไม่ค่อยก้าวหน้า
คนอเมริกันเพิ่งเริ่มรู้จักขนมอบกรอบอยู่ไม่กี่รสชาติ เช่น รสบาร์บิคิวและซาวร์ครีม
แต่ต้องขอบคุณความไม่ย่อท้อของ West ที่ยังคงผลักดันและหาทางทดลองจนทำให้เกิด Doritos รสตาโกขึ้นมาได้สำเร็จ และกลายมาเป็นรสชาติที่สร้างความตื่นเต้นไปทั่วสหรัฐอเมริกา ทันทีที่เริ่มขายในปี 1967
ซึ่งรสตาโกนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนารสชาติต่อมาของ Doritos อย่างรส Nacho Cheese หรือก็คือ Doritos ซองสีแดงที่เราคุ้นเคย ที่เริ่มผลิตในปี 1972 และกลายเป็นรสชาติเอกลักษณ์ของ Doritos มาจนถึงปัจจุบัน และ Doritos ก็ได้กลายมาเป็นขนมขายดี 3 อันดับแรกของบริษัท Frito-Lay
ปัจจุบัน Frito-Lay มีขนมกว่า 29 ยี่ห้อ ที่สร้างรายได้ต่อปีกว่า 5 แสนล้านบาท
คิดเป็น 25% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท PepsiCo
ก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจากการออกเดินทางของ Doolin ที่ต้องการหาไอเดียพัฒนาแบรนด์ขนมเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว ได้กลายมาเป็นบริษัทเจ้าของขนมอบกรอบอย่าง Frito-Lay ที่ขายดีทั่วทุกมุมโลกและสามารถครองใจผู้บริโภคมาได้อย่างยาวนาน
ปิดท้ายด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ
Cheetos ที่เริ่มมีมาตั้งแต่ปี 1948 แต่รู้หรือไม่ว่ารสชาติที่ขายดีที่สุด ก็คือรส Hot Cheetos
คิดค้นโดยภารโรงที่มีชื่อว่า Richard Martinez
Martinez เป็นชาวเม็กซิกันที่เลิกเรียนต่อตอน ป.4 เพราะอ่านเขียนภาษาอังกฤษไม่ได้
เมื่ออายุ 18 ปี เพื่อนของเขาก็ได้ชวนมาทำงานเป็นภารโรงในโรงงานของ Frito-Lay
CEO ของทางบริษัทในขณะนั้น ได้มีนโยบายให้พนักงานทุกคนทำงานเหมือนกับตัวเองเป็นเจ้าของกิจการซึ่งพอทาง Martinez ปิ๊งไอเดียรส Hot Cheetos ขึ้นมา เขาก็ได้โทรไปหาเลขาฯ CEO
โดย CEO ก็รับฟังแต่โดยดีและก็ได้นำไปพรีเซนต์ให้กับทีมผู้บริหารฟัง
สรุปแล้ว ไอเดียของ Martinez ได้รับผลตอบรับดีถล่มทลาย จนสามารถขยายการผลิตไปได้ ทั่วประเทศ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.businessinsider.com/doritos-are-from-disneyland-garbage-the-surprising-history-2014-5
-https://www.insider.com/fun-facts-about-cheetos-snacks-2020-7
-https://www.insider.com/lays-fun-facts-potato-chips-2018-11
-https://www.mashed.com/233073/the-untold-truth-of-fritos/
-https://www.fritolay.com/about-frito-lay/company-story
-https://en.wikipedia.org/wiki/Frito-Lay#H.W._Lay_&_Company
-https://www.foodbusinessnews.net/articles/17933-snacks-success-helps-offset-beverage-challenges-at-pepsico
ford wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
จอร์จ ลูคัส ผู้กำกับภาพยนตร์ ที่รวยสุดในโลก ผู้สร้าง Star Wars /โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงภาพยนตร์ที่ทำรายได้ทั่วโลกได้สูงสุดตลอดกาล
ก็ต้องมีชื่อ Avatar, Avengers: Endgame และ Titanic
แต่ถ้าเรารวมค่าเข้าชมภาพยนตร์กับยอดขายจากสินค้าและค่าลิขสิทธิ์ที่ต่อยอดจากภาพยนตร์เข้าไปด้วย
ภาพยนตร์ที่สามารถกวาดรายได้ไปได้มากที่สุดในโลกจะเป็น “Star Wars”
และนั่นก็ได้ทำให้ผู้สร้างจักรวาล Star Wars อย่าง “George Lucas”
กลายเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่รวยที่สุดในโลก ด้วยทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2.2 แสนล้านบาท
แล้วเบื้องหลังเรื่องราวชีวิตของ George Lucas เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
George Lucas เกิดในปี 1944 และเติบโตที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
เมื่ออายุได้ 11 ปี Lucas ได้ไปเที่ยวกับครอบครัวที่ Disneyland ซึ่งเพิ่งเริ่มเปิดให้บริการเป็นครั้งแรก
และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาหลงใหลในการ์ตูนภาพเคลื่อนไหวและนวนิยายแนววิทยาศาสตร์
แต่พอเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เขามีความสนใจอีกอย่างเพิ่มเข้ามานั่นก็คือ การแข่งรถ
Lucas จึงตั้งเป้าหมายที่จะเป็นนักแข่งรถ แต่ต่อมาแผนการนี้ก็ถูกล้มเลิก
เพราะในวัยเพียง 18 ปี Lucas ได้ประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำอย่างรุนแรงจนเขาต้องรักษาตัวอยู่นาน
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ก็ได้ทำให้ความตั้งใจที่จะเป็นนักแข่งรถหมดลง
เขาจึงนำความหลงใหลในวัยเด็กหรือ “การ์ตูน” กลับมาเป็นเครื่องนำทาง
แม้ว่าพ่อของ Lucas ที่เปิดกิจการขายเครื่องเขียน อยากให้ลูกชายมาช่วยกิจการครอบครัว
แต่ Lucas ที่ตั้งใจแล้วว่าจะไปเรียนต่อในด้านศิลป์ จึงได้ตัดสินใจออกจากบ้าน
พร้อมกับบอกครอบครัวของเขาว่าจะมีเงิน 30 ล้านบาท ก่อนอายุ 30 ปีให้ได้
Lucas จึงเลิกเรียนมัธยมกลางคันทั้งที่ใกล้จะจบแล้ว
และไปสมัครเรียนที่ Modesto Junior College ซึ่งเป็นวิทยาลัยชุมชนแทน
ซึ่งในตอนแรก Lucas ได้ลงเรียนหลายแขนงวิชามาก เพราะยังไม่แน่ใจว่าตัวเองอยากทำอะไรกันแน่
ระหว่างเรียนอยู่ที่นี่ Lucas ก็เริ่มสนใจเกี่ยวกับการถ่ายภาพเคลื่อนไหวและการสร้างภาพยนตร์
เขาจึงตัดสินใจเรียนต่อระดับปริญญาตรีด้าน Cinematic Arts ที่มหาวิทยาลัย Southern California
ซึ่งหนึ่งในเพื่อนสนิทของ Lucas ที่มหาวิทยาลัยก็คือ Steven Spielberg ผู้กำกับระดับตำนานอีกคนหนึ่ง
หลังเรียนจบในปี 1967 Lucas เลือกเรียนต่อปริญญาโทด้าน Film Production ที่มหาวิทยาลัยเดิม
และได้ทำหนังสั้นประเภท Sci-Fi ที่ชื่อ Electronic Labyrinth: THX 1138 4EB โดยได้นำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปแข่งขันในงาน National Student Film Festival และได้รับรางวัลชนะเลิศ
รางวัลที่ Lucas ได้รับ นอกจากทาง Warner Bros. จะให้ทุนการศึกษาแล้ว
บริษัทยังให้สิทธิ์กับเขาไปดูงานเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์ได้หนึ่งครั้ง
ซึ่ง Lucas ได้เลือกภาพยนตร์ที่กำกับโดย Francis Ford Coppola
Coppola ประทับใจความสามารถของ Lucas จึงชักชวนเขามาร่วมกันเปิดสตูดิโอ
ที่ชื่อว่า American Zoetrope ในปี 1969 และแนะนำให้ Lucas ดัดแปลงภาพยนตร์สั้นที่ได้รับรางวัล
มาทำเป็นภาพยนตร์ยาว แต่ผลตอบรับของผลงานชิ้นนี้กลับไม่ดีเท่าที่ควร
ปี 1971 Lucas จึงตัดสินใจขอออกมาเปิดบริษัทของตัวเองโดยใช้ชื่อว่า “Lucasfilm”
ซึ่งหลังจากนั้น ปี 1972 Coppola ได้กลายเป็นผู้กำกับระดับตำนานจากภาพยนตร์เรื่อง The Godfather
และแม้ว่า Lucas จะออกมาแล้ว แต่ทาง Coppola ก็ยังคงคอยให้ความช่วยเหลือเขามาโดยตลอด
ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกของ Lucasfilm อย่าง American Graffiti ที่เข้าฉายในปี 1973
ซึ่งสามารถทำรายได้กว่า 4,500 ล้านบาทจากทุนสร้างเพียง 25 ล้านบาท
โดยถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ ที่มีอัตรากำไรมากที่สุดในขณะนั้น
American Graffiti ได้กลายเป็นผลงานแจ้งเกิดในฐานะผู้กำกับดาวรุ่งของ Lucas
และทำให้เขามีเงินถึง 30 ล้านบาทได้ในวัย 29 ปี ตามที่เคยบอกกับครอบครัวก่อนออกจากบ้านมา
ในปีเดียวกันนี้เอง ช่วงระหว่างรอ American Graffiti เริ่มเข้าฉาย
Lucas ก็เดินหน้าเสนอบทภาพยนตร์แนวที่เขาอยากทำมากที่สุดมาโดยตลอด
โดยเป็นภาพยนตร์ Sci-Fi ที่มีเรื่องราวการต่อสู้ในอวกาศ นั่นก็คือเรื่อง “Star Wars”
แต่ด้วยความที่ภาพยนตร์ Sci-Fi ในสมัยนั้นยังไม่ค่อยเป็นที่นิยม บวกกับต้นทุนการถ่ายทำที่สูง
เพราะยังแทบไม่มีการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกหรือ CG จึงมีตัวอย่างภาพยนตร์แนวนี้ที่เจ๊งแทนที่จะแจ้งเกิดมาแล้วหลายเรื่อง จนไม่มีบริษัทไหนสนใจให้ทุนเขาเลย แม้แต่ Universal Pictures ที่เป็นผู้ให้ทุนสร้าง American Graffiti
จนกระทั่ง Lucas ได้มาเจอกับผู้บริหารของ 20th Century Fox ที่รู้สึกสนใจในไอเดียของเขา
จึงตอบตกลงเป็นผู้ให้ทุนสร้างและเป็นผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ Star Wars ให้ Lucasfilm
หลังจาก Lucas เริ่มเจรจากับ 20th Century Fox ไปได้ 3 เดือน ภาพยนตร์เรื่อง American Graffiti ที่เพิ่งเริ่มเข้าฉายได้รับกระแสตอบรับดี จึงทำให้ 20th Century Fox เสนอเพิ่มทุนสร้างให้กับ Star Wars เข้าไปอีก
และเหตุการณ์ที่จะเล่าต่อจากนี้ ก็น่าจะเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของ Lucas เลยก็ว่าได้..
นั่นก็เพราะว่า Lucas เลือกปฏิเสธเงินทุนที่มากขึ้น แต่เขากลับเจรจาขอเป็นผู้ครอบครองลิขสิทธิ์และสิทธิ์ในสินค้าที่เกี่ยวกับ Star Wars ทั้งหมดแทน
ซึ่งทาง 20th Century Fox ก็ตอบตกลงแต่โดยดี เพราะแม้จะสนใจในเรื่องราวของ Star Wars
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าหลังจากนั้น Star Wars จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในเวลาต่อมา
หลังจากซุ่มเขียนบทและเตรียมตัวอยู่ 3 ปี Star Wars ก็ได้เริ่มถ่ายทำในปี 1976
และผลจากการที่ Lucas ปฏิเสธข้อเสนอเพิ่มทุนสร้าง ทำให้เขาต้องเครียดจากการมีงบประมาณที่จำกัด
ด้วยเหตุผลที่ Star Wars คือเรื่องราวในโลกเสมือน ตัวละครที่ Lucas สร้างสรรค์มาจึงเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตรูปร่างหน้าตาแปลกใหม่ อย่างเช่น โยดาและชิวแบคคา รวมไปถึงฉากหลักที่เป็นโลกอวกาศ อุปกรณ์ประกอบฉากอย่างยานอวกาศหรือแม้แต่ดาบไลท์เซเบอร์
การแปลงภาพจากจินตนาการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ให้มาปรากฏในภาพยนตร์ ยังเป็นยุคที่ต้องให้คนสร้างของจริงขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ส่งผลให้ต้องใช้งบประมาณมหาศาล ซึ่งจำเป็นต้องบริหารงบประมาณอย่างรอบคอบ
แต่ด้วยความประณีตและใส่ใจรายละเอียดของทั้ง Lucas และทีมงาน จึงทำให้ภาพยนตร์มีภาพออกมาสมจริงรวมถึงเนื้อเรื่องที่แปลกใหม่
และเมื่อ Star Wars: Episode IV - A New Hope ได้เข้าฉายในปลายปี 1977 ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับผลตอบรับดีแบบถล่มทลาย จนดังระเบิดไปทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา ต่อเนื่องไปจนทั่วโลก
ทาง 20th Century Fox เลยให้ Lucas เริ่มถ่ายทำภาคต่อในทันที
แต่ Lucas ตระหนักดีว่าทุนสร้างภาพยนตร์ที่ได้รับ จะทำให้มีข้อจำกัดในการผลิตมากมายจากผู้ให้เงิน
เขาจึงขอใช้เงินทุนตัวเองในการสร้างภาคต่อที่เหลือ
โดยยังมี 20th Century Fox เป็นผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ให้อยู่
ภาพยนตร์ไตรภาคชุดแรกของ Star Wars ก็จบลงอย่างสวยงามในปี 1983 และได้ทำให้ Lucas กลายเป็นผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ชั้นนำของโลก ที่กวาดรางวัลใหญ่ไปมากมาย
นอกจากบทบาทการเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ที่ครองใจผู้ชมไปทั่วโลกแล้ว
ในด้านของการผลิตภาพยนตร์ Lucas ยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ซึ่งเขามุ่งมั่นและทุ่มงบประมาณให้ Lucasfilm วิจัยพัฒนา โดยได้แบ่งออกเป็นบริษัทย่อยที่เน้นโฟกัสคนละอย่าง
จนสามารถเป็นผู้นำในด้านนั้น ๆ ได้มาจนถึงปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น
- ILM ที่ก่อตั้งในปี 1975 เน้นพัฒนาการสร้างภาพเคลื่อนไหวเสมือนจริงด้วยคอมพิวเตอร์
- Skywalker Sound ที่ก่อตั้งในปีเดียวกัน เน้นพัฒนาการใส่เสียงประกอบภาพยนตร์
- Pixar ที่ก่อตั้งในปี 1979 เน้นพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสร้างแอนิเมชัน 3 มิติ
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจทั้งหมดนี้ต้องใช้เงินลงทุนสูงโดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น
ส่งผลให้ Lucasfilm ประสบปัญหาทางการเงินจนได้ตัดสินใจขาย Pixar
ให้กับ Steve Jobs ในปี 1986 ซึ่งเป็นช่วงที่ Steve Jobs เพิ่งโดนไล่ออกจาก Apple
ในตอนนั้น George Lucas ผู้เป็นเจ้าของ ได้ขาย Pixar ให้กับ Steve Jobs ด้วยราคา 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดย 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จ่ายให้กับ George Lucas
และอีก 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใช้เป็นเงินทุนของ Pixar
ก่อนที่ Disney จะขอซื้อ Pixar ต่อจาก Steve Jobs อีกทีในปี 2006
และทั้ง 2 บริษัทที่มีผู้ก่อตั้งคนเดียวกันอย่าง Pixar กับ Lucasfilm ก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
เมื่อทาง Disney เจรจาขอซื้อ Lucasfilm จาก Lucas ในปี 2012
ด้วยมูลค่า 4.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากถึง 1.31 แสนล้านบาท
แต่รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่สร้างมูลค่าให้กับ Lucasfilm และความมั่งคั่งของ Lucas อย่างมหาศาล
กลับไม่ได้มาจากรายได้ของภาพยนตร์ Star Wars ที่ทำเงินได้กว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทุกภาครวมกันในโรงภาพยนตร์ทั่วโลก
นั่นก็เพราะว่าความนิยมของจักรวาล Star Wars ไม่ได้จบลงที่จอภาพยนตร์เท่านั้น
แต่ยังถูกต่อยอดไปเป็นผลิตภัณฑ์นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าจากภาพยนตร์ อย่างเช่น หุ่นจำลองของตัวละครหรือดาบไลท์เซเบอร์ หรือจะเป็นในสื่อชนิดอื่น อย่างซีรีส์ที่ฉายในโทรทัศน์ วิดีโอเกม หรือหนังสือ
โดยสินค้าทั้งหมดนี้ทำรายได้ให้ Star Wars มากกว่าค่าเข้าชมภาพยนตร์เกือบ 6 เท่า
ซึ่งเราก็ต้องกลับไปดูการตัดสินใจครั้งสำคัญของ Lucas ที่ได้เลือกเจรจาขอเป็นผู้ครอบครองลิขสิทธิ์และสิทธิ์ในสินค้าที่เกี่ยวกับ Star Wars ทั้งหมด มันส่งผลให้ Lucas มีช่องทางรายได้ที่มั่นคงกว่ามากในเวลาต่อมา
ปัจจุบัน Forbes ได้จัดอันดับให้ Lucas เป็นเซเลบริตีที่รวยสุดในโลกในปี 2018 และครองตำแหน่งผู้กำกับที่รวยสุดในโลกได้อย่างยาวนาน ด้วยมูลค่าทรัพย์สินในปัจจุบันกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.2 แสนล้านบาท
นึกย้อนกลับไปถึง Lucas ในวัย 11 ปี
ที่เริ่มหลงใหลในตัวละครโลกเสมือนจากการไป Disneyland เป็นครั้งแรก
มาถึงวันนี้ Disneyland แห่งเดิม ได้มีโซนใหม่ที่ชื่อว่า “Star Wars: Galaxy's Edge”
ซึ่งมันก็เป็นผลงานของ Lucas ที่เกิดขึ้นได้เพราะการเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเขาเอง ที่สถานที่แห่งนี้ในวันนั้น
และเมื่อ 3 สิ่งนี้มาบรรจบกัน ก็ดูเหมือนว่าจะทำให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกจริง ดูน่าตื่นเต้นไม่แพ้โลกในภาพยนตร์เช่นกัน..
Lucas | Star Wars | Disney
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.businessinsider.com/how-star-wars-made-george-lucas-a-billionaire-2015-12
-https://www.businessinsider.com/star-wars-george-lucas-net-worth-movies-house-spending-2019-7
-https://www.theatlantic.com/magazine/archive/1979/03/the-man-who-made-star-wars/306228
-https://www.radiotimes.com/movies/how-to-watch-the-star-wars-movies-in-the-right-order/
-https://clubjade.net/nine-ways-george-lucas-changed-movies-forever/
-https://en.wikipedia.org/wiki/George_Lucas
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_highest-grossing_media_franchises
-https://www.forbes.com/profile/george-lucas/?sh=35340de56e63
ford wiki 在 げんじ/Genji Youtube 的最佳貼文
<目次>
0:00 オープニング
2:04 7×7 / CRAZY BORDER TEE
4:13 UNUSED / US1949
5:10 Steven Alan / BORDER SHORT SLEEVE TEE
5:55 JIL SANDER + / TShirt
6:10 BED j.w. FORD / CottonCashmere tapered trousers
10:08 Paraboots / AZAY REIMS
11:18 エンディング
■ ボーダー徹底解説動画はこちらから!
https://youtu.be/v1q2IS0vLtA
<ご紹介アイテム>
■ 7×7 - CRAZY BORDER TEE -Recycled yarn-
¥13,200|color:BROWN|size:L
https://www.dicexdice.com/goods/detail/?id=30572
■ UNUSED - US1949
¥24,200|color:WHITE×BLACK|size:3
https://shop.unused.jp/items/39477913
■ Steven Alan - HI-DENS BORDER CREW NECK SHORT SLEEVE TEE-BOLD
¥8,800|color:LIGHT GRAY|size:M
https://zozo.jp/?c=gr&did=91523189
■ JIL SANDER + - Tシャツ
¥49,500|color:080|size:M
https://www.jilsander.com/ja-jp/t%E3%82%B7%E3%83%A3%E3%83%84/JPUS707534-MS247518-080.html
げんじ fashion blogで詳しくご紹介しています!ぜひ下の動画も見てみてください!
https://www.youtube.com/watch?v=hA5r36_wJMw
■ BED j.w. FORD - Cotton/Cashmere tapered trousers
¥66,000|color:BLACK|size:1
https://zozo.jp/shop/pr01/goods-sale/53237247/
■ Paraboots - AZAY
¥68,200
https://zozo.jp/shop/paraboot/goods/55496231/?did=92234187
■ Paraboots - REIMS/ランス
¥71,500
https://zozo.jp/shop/unitedarrows/goods/56105777/?did=93290462
<着用アイテム>
ボーダーT
■ ????
白パンツ
■ LIDNM - KERSEY BAGGY TROUSERS
¥ 8,800|size:S ※順次発送中!!
https://lidnm-store.com/products/detail.php?product_id=170&utm_source=youtube.com&utm_medium=youtube.com&utm_campaign=YouTube210630KERSEYBAGGYTROUSERS
ピアス
■ LIDNM - SILVER HOOP PIERCE
¥ 3,850 ※順次発送中!!
https://lidnm-store.com/products/detail.php?product_id=62&utm_source=youtube.com&utm_medium=youtube.com&utm_campaign=YouTube210630SILVERHOOPPIERCE
ネックレス
■ LIDNM - COMBINATION CHAIN NECKLACE
¥ 4,400 ※順次発送中!!
https://lidnm-store.com/products/detail.php?product_id=3&utm_source=youtube.com&utm_medium=youtube.com&utm_campaign=YouTube210630COMBINATIONCHAINNECKLACE
ーーーーーーーーーーーーー
LIDNMの公式サイトはこちらから!!
https://lidnm-store.com/?utm_source=youtube.com&utm_medium=youtube.com&utm_campaign=YouTubedefaulttop
ZOZO限定プチプラブランドWYM(ウィム)はこちらから!!
https://zozo.jp/brand/wymlidnm/
ーーーーーーーーーーーーー
《Instagram》
https://www.instagram.com/genji_official_/
《げんじのコーデはこちら!》
https://lidnm-store.com/contents/coordinate_list.php?utm_source=youtube.com&utm_medium=youtube.com&utm_campaign=YouTubegenjicode
《お世話になってる美容師さんはこちら!》
https://www.instagram.com/signal8756/?hl=ja
ーーーーーーーーーーーーー
《🌏🌏🌏絶対1度は見てほしい動画🌏🌏🌏》
★『メンズファッションの黄金バランスを公開します。最強コーディネート術です。』
→https://www.youtube.com/watch?v=HZ2kLtpjmxE
★『【超重要】知らないと危険なファッションの一面とは!?』
→https://www.youtube.com/watch?v=Bpq41NzD0Bs
ーーーーーーーーーーーーー
<プロフィール>
毎日ファッションについてのコンテンツを色んなSNSで投稿してるげんじです!
一人でも多くの方にファッションの魅力を知って頂き”日本中をお洒落にする”と本気で思っています🔥🔥🔥!
このチャンネルでは”最新のGU、UNIQLOの情報”や“誰でも一瞬でお洒落になれる方法”などメンズファッションに関わる全てのコンテンツをお届けしています!
そんな活動を続けて、ありがたくも総フォロワー200万人を突破しました!
少しでもファッションが好きでしたら是非チャンネル登録お待ちしております(´▽`)!
ーーーーーーーーーーーーー
動画内の画像は以下を引用しました。
7×7 - CRAZY BORDER TEE
-Recycled yarn-
https://www.dicexdice.com/goods/detail/?id=30572
UNUSED - US1949/WHITE×BLACK
https://shop.unused.jp/items/39477913
Steven Alan - HI-DENS BORDER CREW NECK SHORT SLEEVE TEE-BOLD/Tシャツ
https://zozo.jp/?c=gr&did=91523189
JIL SANDER + - Tシャツ
https://www.jilsander.com/ja-jp/t%E3%82%B7%E3%83%A3%E3%83%84/JPUS707534-MS247518-080.html
BED j.w. FORD - Cotton/Cashmere tapered trousers (21SS-B-PT05)
https://zozo.jp/shop/pr01/goods-sale/53237247/
Paraboots - AZAY
https://zozo.jp/shop/paraboot/goods/55496231/?did=92234187
Paraboots - REIMS/ランス
https://zozo.jp/shop/unitedarrows/goods/56105777/?did=93290462
セーラー服
https://ja.wikipedia.org/wiki/%E3%82%BB%E3%83%BC%E3%83%A9%E3%83%BC%E6%9C%8D
Dracaena - 古着 20-30s 米軍 USN WW1 「ウォバッシュ ライナー」 巻き ウール バギー セーラー パンツ W29 L28 古着
https://e-dracaena.com/?pid=156587438
トゥキャップ
https://allabout.co.jp/gm/gc/196758/
効果音:OtoLogic
お問い合わせはこちらまで
d.ogawa1111@gmail.com
じゃあʕ•ᴥ•ʔ
#ファッション #fashion #メンズ #服 #プチプラ #UNIQLO #GU #ブランド #コーデ #お洒落
ford wiki 在 Steve's POV Steve's Point of View スティーブ的視点 Youtube 的最佳貼文
◆ENGLISH SUBTITLES ON ALL VIDEOS TURN ON "CC"◆
東京オートサロン2019も Liberty Walk LB Performance(リバティーウォーク)のブースへ遊びに行って加藤渉社長とも楽しくお話しすることが出来ますた!相変わらずカッコいいボディーキットを制作していて本当に尊敬しますね。他にもトップシークレット、アニジャ、ブーンクラフト、スピードフォーム、ロベルタ、ロッキーオート、尾林ファクトリー、スペクトラクロム、そしてスティーブ的視点の販売ブースなども取材していますので楽しくみてくださいね!あとお気に入りのアパレルブランドのDIVINER(ディバイナー)さんのブースも必見です!
東京オートサロン2019 パート1
https://youtu.be/li-bCRAz1SI
過去の東京オートサロンプレイリスト
https://goo.gl/PnLB4y
Matti Life Channel:
https://www.youtube.com/user/matti930
Amazonストアでスティーブ的グッズ販売中
https://amzn.to/2J1lHyu
?見ておきたい人気動画トップ5?
日本車にハマるアメリカの若者たち‼︎ 何故ここまでJDMを好きになったのか?アメリカ人に聞いてみた! Americans Who Love JDM Cars
https://youtu.be/URacUv7sncc
昔の車はデザインがすばらしい!アメリカで超レア日本車旧車が大集合! 見たことない希少な車がたくさん‼︎ The Rarest of Rare JDM Classics
https://youtu.be/66ZNjQp5DE8
DIYで息子のスバルSTIに日本で買ったアフターパーツを取り付けてみた! Real JDM Upgrades for My Son's Subaru STI Project !
https://youtu.be/fyQq7wlaRUw
親子でディーラー巡り‼︎ ママの車を探しに行ってみた!フェラーリで何故警察に止められたのか!Car Shopping for My Wife and I Get Pulled Over! and Guess What I Forgot?
https://youtu.be/OoLJtovcPi0
フォードラプターにオリジナルデザインのカーラッピングしちゃいました!New Wrap Reveal on my 200,000 Mile Ford Raptor!
https://youtu.be/HsuxS5fkkSU
日本語版&英語字幕
日本時刻で毎週火曜日&木曜日&土曜日の朝7時に絶賛配信中!
気まぐれでランダムの動画公開もあります!
◆チャンネル登録はこちら◆PLEASE SUBSCRIBE◆
http://www.youtube.com/user/steevie333?sub_confirmation=1
スティーブ的視点 Steve's POV 関連ウェブサイト:
Facebook: http://www.facebook.com/StevesPOV
Instagram: http://www.instagram.com/StevesPOV
Twitter: http://www.twitter.com/StevesPOV
Ebay Store: http://www.goo.gl/lyan1I
StevesPOV Web: http://www.StevesPOV.com
Amazon: https://www.amazon.com/shop/stevespov
サムズアップT-シャツ好評発売中
https://www.stevespov.com/beers
スティーブの不動産関連インスタグラム
http://www.instagram.com/carsncastles
スティーブ的視点アメリカ不動産関連ウェブサイト
https://stevefeldmanrealtor.com
Steve's POV
スティーブ的視点
#スティーブ的視点 #東京オートサロン #リバティーウォーク #加藤渉 #ロッキーオート #TokyoAutoSalon #LibertyWalk #LBperformance #LBworks #KatoWataru
ford wiki 在 TJ VLOG Youtube 的最佳貼文
きょうは同じマンションに住む友人に誘われて朝6:30からドライブへ。
日曜の朝はクルマ好きが一同に介するとのことで、彼の友人たちも集まるそうです。わたしはここ数年 ほとんどクルマを運転しなくなったのですが、いいクルマをみるとやはり胸が踊りますね〜
あと、動画の最後に今回のGoPro Hero5とDJI FM-15という外付けマイクの装着方法について説明しています。興味のある方はそちらをご覧ください。
ドライブしていると道路に 多くのカメラマンがいて写真を撮りまくっていましたが、なんと彼らは単なるクルマ好きではなく、撮影した写真をFacebookやFlickrで公開して、それをクルマのオーナーに販売しているそうです。確かに自分のクルマがきれいに写ってたらハイレゾで欲しいですよね〜 さすが香港、全てが商売です。
◎有名な写真家のサイト
本日 みかけたクルマの走行時の写真を見ることができます。
https://www.facebook.com/blackcygnusphotography/posts/704639839723430
◎ AC289 Cobra
https://ja.wikipedia.org/wiki/ACコブラ
◎ Bullitt ブリット
このFord GT ナンバーがBulllitt !!スティーブ・マックイーンの映画ブリットのファンなんでしょうね〜
◎ Bugatti type 35B (Pur Sang)
https://www.bloomberg.com/news/photo-essays/2016-12-30/driving-a-pur-sang-type-35-bugatti
◎ Big Wave Bay 大浪湾
http://www.discoverhongkong.com/us/see-do/great-outdoors/beaches/big-wave-bay-beach-shek-o.jsp
◎ GoPro Hero5 にDJI FM-15マイクを装着する方法
GoProはマイク性能がイマイチです。Rider-Mに装着すると更に録音した音声が悪くなります。そこで外部マイクを装着するというのがこの方法です。
- GoPro Hero5
http://amzn.to/2r1ERKE
- Zhiyun Rider-Mhttp://amzn.to/2r19sYI
- GoPro 3.5mm マイクアダプタ
http://amzn.to/2r1FfZB
- DJI Osmo FM-15 マイク
http://amzn.to/2r1FtzV
- モビロンバンド
http://amzn.to/2r1wcbe
Music by Joakim Karud http://soundcloud.com/joakimkarud
わたしのプロフィール
http://www.tojimasaya.com/about-me.html
MY GEAR
✩ Drone / DJI Mavic Pro - http://amzn.to/2m1Oc11
✩ メインカメラ:Leica D-Lux Typ109 - http://amzn.to/2n3C0in
✩ Still Photo:Leica M-P Typ240 http://amzn.to/2oaBmRn
✩ GoPro Hero5 - http://amzn.to/2m1NJf6
✩ Zhiyun Rider-M - http://amzn.to/2m1KQL9
✩ iPhone 7 Plus - http://amzn.to/2m1EHyL
✩ iPad Pro 9.7 http://amzn.to/2mB3k7C
follow me :
on https://twitter.com/mongkok93
on https://www.facebook.com/masaya.toji
on https://www.instagram.com/tojimasaya/
on http://www.tojimasaya.com
ford wiki 在 'ford' tag wiki - Motor Vehicle Maintenance & Repair Stack ... 的推薦與評價
Ford motor company was founded in the United States on June 16, 1903. It has since created hundreds of different models of motor vehicle and is currently ... ... <看更多>