ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง ประกาศว่า ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม System LSI (large-scale integration) ของบริษัทฯ จำนวน 4 รายการ ได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากองค์กรอิสระคาร์บอนทรัสต์ (Carbon Trust) ซึ่งนับเป็นผลิตภัณฑ์ ไมโครโพรเซสเซอร์กลุ่มแรกของซัมซุงที่ผ่านการรับรองนี้
หลังจากที่ผลิตภัณฑ์ชิปหน่วยความจำของซัมซุงได้รับการรับรองด้านคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ จากคาร์บอนทรัสต์ในปี 2019 จนมาถึงการได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับผลิตภัณฑ์ชิปไมโครโพรเซสเซอร์ในครั้งนี้
เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของซัมซุงในการสนับสนุนแผนงานนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) หรือ ESG
นอกจากนี้ ซัมซุงยังเป็นผู้นำรายแรกของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของคาร์บอนทรัสต์ ในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ คาร์บอน น้ำ และของเสีย เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
คาร์บอนทรัสต์ เป็นองค์กรอิสระที่มีความเชี่ยวชาญและได้รับการยอมรับจากองค์กรทั่วโลกในการให้คำแนะนำ เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและการลดคาร์บอน
นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่ในการประเมินผลและรับรองการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับองค์กร ธุรกิจในเครือข่ายซัพพลายเชน และผลิตภัณฑ์ต่างๆ
กลุ่มผลิตภัณฑ์ System LSI ของซัมซุงได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ประเภท CO2 Measured ซึ่งเป็นข้อมูลให้ผู้บริโภคทราบถึงผลกระทบของผลิตภัณฑ์ตลอดจนกระบวนการผลิตที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
และการได้รับฉลาก CO2 Measured ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในกระบวนการลดคาร์บอน เนื่องจาก เป็นการแสดงถึงการตรวจสอบติดตามการปล่อยคาร์บอนของผลิตภัณฑ์ตามข้อกำหนด PAS 2050 ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ซึ่งซัมซุงนำมาใช้เป็นมาตรวัดในการลดคาร์บอนต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ในกระบวนการวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้องแม่นยำ ผู้ผลิตต้องทุ่มเทความพยายามและเวลาเป็นอย่างมาก เพราะเกี่ยวข้องกับการคำนวณปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยออกมาตลอดทั้งกระบวนการผลิต
ตั้งแต่คาร์บอนที่ปล่อยออกมากจากวัตถุดิบเอง การขนส่งผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการปล่อยคาร์บอนจากการใช้ไฟฟ้า น้ำ และก๊าซ รวมไปถึงขั้นตอนมากมายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์อีกด้วย
Exynos 2100 ผลิตจากเทคโนโลยีการประมวลผลระดับ 5 นาโนเมตร EUV โดย Exynos 2100 ยังเป็นชิปเซ็ตรุ่นแรกของซัมซุงที่รองรับ 5G ภายในตัวสำหรับสมาร์ทโฟนแฟลกชิประดับพรีเมียม สามารถประมวลผลได้ถึง 26 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที พร้อมประหยัดพลังงานมากกว่ารุ่นก่อนถึงสองเท่า
ISOCELL HM2 คือเซนเซอร์กล้องที่มีขนาดพิกเซล 0.7 ไมครอน บุกเบิกตลาดด้วยเซนเซอร์ความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซล ซึ่งมีขนาดเล็กกว่ารุ่นก่อนประมาณ 15% ที่มีขนาดเท่ากับ 0.8 ไมครอน และโมดูลกล้องที่บางลง 10% มาพร้อมระบบโฟกัสอัตโนมัติที่เร็วขึ้น เทคโนโลยี nine-pixel binning และรองรับการซูม 3 เท่าโดยไม่สูญเสียรายละเอียด
DTV SoC (S6HD820) ของซัมซุงเป็นส่วนประกอบสำคัญในสมาร์ททีวีที่พัฒนาคุณภาพของภาพจากมาตรฐาน 4K ไปเป็น 8K โดยหน่วยประมวลผล NPU ใน DTV SoC จะช่วยให้เทคโนโลยี AI สามารถปรับปรุงคุณภาพของภาพและการประมวลผลเสียงได้ดียิ่งขึ้น
TCON มีหน้าที่รับข้อมูลวิดีโอจาก DTV SoC และแปลงค่าให้เหมาะสมกับความต้องการของ DDI (Display Driver IC) ซึ่งความเร็วในการส่งข้อมูลของ TCON นั้นมีความสำคัญในการส่งข้อมูลวิดีโอความละเอียดสูงให้ไปถึง DDI ได้รวดเร็ว โดย TCON (S6TST21) ของซัมซุงทำงานร่วมกับชิป 8K 60 เฮิรตซ์ (Hz) สองตัว เพื่อลดการสูญเสียพลังงาน
#Samsung
#StepGeek
「samsung esg」的推薦目錄:
- 關於samsung esg 在 Lifeisgadget เพราะชีวิตทันสมัย ไม่อยาก out ต้อง like Facebook 的最讚貼文
- 關於samsung esg 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於samsung esg 在 中環十一少 Facebook 的最佳貼文
- 關於samsung esg 在 2023 ESG Manifesto | Samsung - YouTube 的評價
- 關於samsung esg 在 Samsung Engineering | Seoul - Facebook 的評價
- 關於samsung esg 在 【YC開卡<新光銀行ESG銀行信用卡>】指定行動支付無腦5 ... 的評價
- 關於samsung esg 在 Samsung Galaxy Z Flip5上手試|3.4吋機面熒幕功能全開覆 ... 的評價
samsung esg 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
สรุปทิศทางการลงทุน ในครึ่งปีหลัง จากกรุงศรี และ BlackRock
ลงทุนแมน x KRUNGSRI EXCLUSIVE
ปี 2021 นับเป็นอีกปีที่หนักหน่วงของเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้เราก็ผ่านเลยมาเกินครึ่งทางของปีแล้ว
แต่ด้วยหลาย ๆ ปัจจัย ที่ยังคงมีความไม่แน่นอนซ่อนอยู่ ทั้งบวกและลบ ปะปนกันไป
ทำให้นักลงทุน อาจเกิดความกังวลและไม่แน่ใจว่า หลังจากนี้ตนควรมีแนวทางการลงทุนหรือจัดพอร์ตการลงทุนอย่างไรดี เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดี ในความเสี่ยงที่ยอมรับได้
และด้วยเหตุผลนี้ ทาง KRUNGSRI EXCLUSIVE หนึ่งในบริการในกลุ่ม Wealth Management ของธนาคารกรุงศรีที่ช่วยตอบความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งในด้านไลฟ์สไตล์และการเป็นที่ปรึกษาการลงทุน
ในครั้งนี้จึงได้จัดงานสัมมนาออนไลน์ ตลอดทุกสัปดาห์ ภายใต้งาน KRUNGSRI EXCLUSIVE 2021 Mid-Year Outlook Series และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กับการนำเสนอวิเคราะห์ในหัวข้อ Global Outlook “A Powerful Restart”
โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนระดับโลก อย่างคุณ Ben Powell จาก BlackRock บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลก และผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนแนวหน้าของเมืองไทย อย่างคุณวิน พรหมแพทย์ จากธนาคารกรุงศรี มาวิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง และเปิดมุมมองต่อการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ หลังจากที่หลายประเทศทั่วโลก เริ่มได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว
โดย ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง..
หลังจากมีการฉีดวัคซีน โลกก็กำลังเดินหน้าเข้าสู่การ Restart ทางเศรษฐกิจครั้งใหม่
โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งการฉีดวัคซีนเป็นไปได้ด้วยดี และยอดผู้ติดเชื้อเริ่มชะลอตัวลง
ทำให้ผู้คนมีความมั่นใจ กลับมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามปกติ และเศรษฐกิจก็ค่อย ๆ กลับมาดีขึ้นตามลำดับ
อย่างตัวเลขดัชนีทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของโลก ก็ปรับตัวดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะฟื้นตัวอย่างชัดเจน
สำหรับเศรษฐกิจไทย ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ อัตราเร่งในการฉีดวัคซีน ยิ่งฉีดได้เร็ว ยิ่งดี
ซึ่งการฉีดวัคซีนในประเทศไทย ก็เริ่มมีอัตราเร่งที่มากขึ้น ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นับเป็นสัญญาณที่ดี
และคาดว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในไทย จะเห็นตัวเลขที่ต่ำลง เมื่อพ้นกลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป
เรื่องนี้จะทำให้การเดินทาง, การจับจ่ายใช้สอย และความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ กลับมาอีกครั้ง
แต่ยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ โควิดสายพันธุ์เดลตา
หากมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้เป็นจำนวนมาก ความรุนแรงของการแพร่ระบาด
อาจทำให้ความเชื่อมั่นของผู้คน และภาคธุรกิจ หดหายไปอีกครั้ง
และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้
เพราะต้องชะลอการเปิดเมือง หรือปลดล็อกกิจกรรมบางอย่าง ออกไปนานกว่าเดิม
ซึ่งเรื่องนี้ยิ่งกระทบต่อประเทศไทย เพราะเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวสูง เลยอาจฟื้นตัวช้า
โดย Krungsri Research คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2021 จะโตเพียง 2% เท่านั้น
อย่างไรก็ดี หนึ่งในโปรเจกต์ที่อาจเป็นความหวัง การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทย ในช่วงครึ่งปีหลัง คือ Phuket Sandbox
โดยคาดว่าในไตรมาสที่ 3 นี้
Phuket Sandbox จะสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ 129,000 คน
และสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศกว่า 11,500 ล้านบาท
หรือเฉลี่ยแล้ว นักท่องเที่ยวจะใช้จ่ายราว 89,000 บาท/คน
ซึ่งเป็นการเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับ Premium/Luxury
และถ้า Phuket Sandbox ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี
โมเดลนี้ ก็จะสามารถขยายไปใช้กับพื้นที่อื่น ๆ ได้
ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการจ้างงาน, การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของประเทศ
พอนักลงทุนต่างชาติ เห็นว่าท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นตัว ก็อาจกลับมาลงทุนในหุ้นไทย และผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นได้
- สำหรับมุมมองการลงทุน ของคุณ Ben Powell จาก BlackRock
ตอนนี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาอีกครั้ง (Restart)
ท่ามกลางสภาวะที่ อัตราดอกเบี้ยและ Bond Yield อยู่ในระดับต่ำ
ด้วยสภาพคล่องในระบบที่ยังสูงแบบนี้ แต่อัตราดอกเบี้ยต่ำติดดิน
อย่างไรเงินทุนก็ต้องไหลไปหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น หุ้น
แม้ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นในสหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นมามากแล้ว
แต่ด้วย 2 แรงส่งจากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัว และอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ก็ยังมีโอกาสที่จะสามารถผลักดันตลาดหุ้น ให้ขึ้นไปต่อได้ ในช่วงครึ่งปีหลัง
ทาง BlackRock จึงเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) ในหุ้น
แต่ถ้ารับความเสี่ยงไม่ได้มาก ก็อาจเลือกมองหา การลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีความเสี่ยง และผลตอบแทนลดลงมา แต่ยังให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตราสารหนี้อยู่ เช่น อสังหาฯ, REITs, Property Fund
นอกจากนี้ คุณ Ben Powell ยังตอบถึงปัญหา ที่นักลงทุนหลายคนกังวลอยู่ในตอนนี้
คือเรื่องของการ QE Tapering หรือการที่ธนาคารกลางลดการอัดฉีดเงินเข้าระบบผ่านมาตรการ QE ลง
และเรื่องของการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตามเงินเฟ้อ
โดยเขามองว่า รอบนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะทำ QE Tapering แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นมาก เพราะได้บทเรียนจากครั้งก่อน ๆ จึงไม่น่าทำให้ตลาดได้รับผลกระทบแบบรุนแรง
ส่วนการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเริ่มฟื้นตัวแล้ว และเงินเฟ้อได้ปรับตัวสูงขึ้น
แต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยอมทนให้เงินเฟ้อมีการปรับตัวสูงขึ้นอีกหน่อย
เพราะต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเต็มที่ และผู้คนมีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจเสียก่อน
จึงคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย ในช่วงครึ่งปีหลัง
แต่จะเริ่มปรับตอนปี 2023 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า
- สำหรับมุมมองการลงทุนของคุณวิน พรหมแพทย์ จากธนาคารกรุงศรี
จะมีคำแนะนำการลงทุน ในช่วงครึ่งปีหลัง 2 ข้อหลัก ๆ ได้แก่
1) มองว่าตลาดหุ้นในระยะยาว จะเป็นขาขึ้น
แต่ในระยะสั้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังใกล้ถึงจุดอิ่มตัวเต็มที่แล้ว ทำให้มี Upside จำกัด
และในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจเจอข่าวร้าย เช่น สงครามการค้ากับจีน, การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาที่มากระทบตลาด จึงมีโอกาสที่ตลาดหุ้น จะมีการปรับฐานลงได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าเชื่อว่าในระยะยาว ตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้น
ช่วงในระยะสั้น ที่มีการปรับฐาน จึงอาจเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนเพิ่ม
2) มองหาตลาดหรือสินทรัพย์ ที่ราคายังฟื้นตัวไม่เยอะ
ควรฟื้นตัวเร็วกว่านี้ หรือฟื้นตัวช้ากว่าคนอื่น ตัวอย่างเช่น
- หุ้นยุโรป
ตอนนี้ยุโรป มีอัตราการฉีดวัคซีนที่ค่อนข้างเร็ว ซึ่งกำลังใกล้ตามสหรัฐฯ ทันแล้ว และล้ำหน้าประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย ทำให้เศรษฐกิจยุโรป น่าจะฟื้นตัวตามสหรัฐฯ
แถมอัตราการเติบโตของกำไร (Earnings Growth) ของหุ้นยุโรป ในปีนี้คาดว่าจะโตถึง 33% ซึ่งโตสูงกว่า หุ้นสหรัฐฯ
ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป ยังฟื้นตัวและปรับฐานขึ้นช้ากว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นโลก
ดังนั้น ต่อไปตลาดหุ้นยุโรป จึงมีโอกาส Upside หรือปรับฐานขึ้นได้อีกมาก
*โดยทาง บลจ. กรุงศรี ก็ได้มีกองทุนมาแนะนำ สำหรับคนที่สนใจลงทุนในหุ้นยุโรป
คือกอง “KF-HEUROPE” ที่จะเน้นลงทุนในกองทุน Allianz Europe Equity Growth เป็นหลัก
โดยหุ้นที่กองทุน Allianz Europe Equity Growth ถืออยู่ ก็อย่างเช่น
1) ASML Holding บริษัทผู้ผลิตเครื่องสำหรับทำ Semiconductor (ชิป) ซึ่งมีลูกค้าเป็นบริษัทชั้นนำ เช่น TSMC, Samsung
2) SAP ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก
3) Adidas แบรนด์รองเท้าและเสื้อผ้า
4) Zalando ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซด้านแฟชั่นยักษ์ใหญ่ในยุโรป
- REITs หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
REITs ในปีที่ผ่านมา มีราคาผันผวนและปรับตัวลงรุนแรง ไปตามวิกฤติโควิด
แต่พอกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ เริ่มกลับมา ราคาของ REITs ก็ทยอยปรับตัวสูงขึ้น
โดยเฉพาะในกลุ่มโรงแรมและศูนย์การค้า ที่ปีก่อนกระทบหนักจากสถานการณ์โรคระบาด
แต่ปีนี้กลับสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุด เพราะผู้คนเริ่มออกไปจับจ่ายใช้สอย และท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี REITs ในประเทศไทย ยังฟื้นตัวไม่มาก (วัดจากดัชนี SETPREIT)
เมื่อเทียบกับตลาดโลก (Global REITs) และตลาดหุ้นไทย (SET)
เพราะสถานการณ์โควิดในบ้านเรา ยังคงรุนแรงอยู่
แต่หากต่อไปสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เริ่มมีการเปิดประเทศ และเปิดรับนักท่องเที่ยว
REITs ไทย ก็น่าจะฟื้นตาม REITs โลกเช่นเดียวกัน
ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ย และ Bond Yield ที่เพิ่มขึ้น ตามอัตราเงินเฟ้อ
ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคา REITs เพราะหลายคนเชื่อว่า นักลงทุนจะขาย REITs ไปซื้อตราสารหนี้แทน
จากสถิติย้อนหลัง 40 ปีนั้น พบว่า ในภาวะเศรษฐกิจฟื้น ที่เงินเฟ้อ และ Bond Yield ปรับตัวสูงขึ้น
REITs ไม่ค่อยได้รับผลกระทบ เหมือนอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน
ซึ่ง REITs อาจได้รับประโยชน์ด้วยซ้ำ (ให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Apartments และ Office
ที่จะได้ประโยชน์ จากการปรับขึ้นค่าเช่าในสัญญา ตามอัตราเงินเฟ้อ
ปิดท้ายด้วย มุมมองต่อตลาดหุ้นจีน ของคุณ Ben Powell และคุณวิน พรหมแพทย์
ในระยะยาว ตลาดหุ้นจีน จะยังไปได้อีกไกล ตามปัจจัยพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจที่เติบโต
ทั้งเรื่องศักยภาพการบริโภคภายในประเทศ, เทคโนโลยีต่าง ๆ
หากตลาดหุ้นมีการปรับตัวลง ก็อาจเป็นโอกาสในการเก็บสะสม
แต่ทั้งนี้ มี 3 ประเด็นสำคัญที่ต้องตระหนักไว้ว่า
1) เศรษฐกิจจีน ได้ฟื้นตัวก่อนประเทศอื่น ๆ หลังจากนี้อัตราการเติบโต จึงอาจเริ่มชะลอตัวลง
2) เศรษฐกิจจีน ไม่มีนโยบายทางการเงิน มาอัดฉีดเงินเป็นจำนวนมาก เหมือนประเทศอื่น ๆ
ทำให้อาจไม่มีปัจจัยด้านสภาพคล่อง มาผลักดันตลาดหุ้นมากนัก
3) ความเสี่ยงด้านการกำกับดูแลจากรัฐบาล
ปัจจุบันทางการของจีน กำลังสอบสวนและคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ
ในเรื่องการผูกขาดธุรกิจ, การปฏิบัติตามกฎระเบียบ ฯลฯ
ซึ่งที่ผ่านมา ที่หุ้นจีนปรับตัวลงรุนแรง ส่วนสำคัญก็มาจากผลกระทบของปัจจัยนี้
แต่ถ้ามองในแง่ดี การกำกับดูแลของจีนที่เข้มงวดนี้
ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะทำให้บริษัทจีนอยู่ในกฎระเบียบ และโปร่งใสมากขึ้น
และจะส่งผลดีต่อภาพรวมของตลาดหุ้นในระยะยาว..
และยังมีสัมมนาออนไลน์วิเคราะห์ครึ่งปีหลังในประเด็นที่น่าจับตาอื่น ๆ โดยวิทยากรชั้นนำมาให้ติดตามกันอย่างเข้มข้นตลอดเดือน ก.ค. นี้ จาก KRUNGSRI EXCLUSIVE สนใจเข้าร่วมรับชมสัมมนาพิเศษ ๆ แบบนี้ ลงทะเบียนได้ที่ https://bit.ly/3h8MKqq (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
13 ก.ค.
จับทางเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง หลังจากประเทศไทยเริ่มได้รับการฉีดวัคซีน ในหัวข้อ “วัคซีนความหวังฟื้นเศรษฐกิจไทย” กับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุนระดับแนวหน้าจากธนาคารกรุงศรี และ ทีดีอาร์ไอ
20 ก.ค.
แนะทิศทางการจัดพอร์ตครึ่งปีหลัง ต้อนรับการเปิดประเทศ กับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุนระดับแนวหน้าจาก ธ.กรุงศรี บล. กรุงศรี และบลจ.กรุงศรี
29 ก.ค.
อัพเดทแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน Environmental, Social, Governance หรือ ESG ซึ่งกำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ถือเป็นเทรนด์ที่ร้อนแรงและน่าจับตาในมุมมองนักลงทุนและสถาบันการเงินชั้นนำทั่วโลก โดยวิทยากรระดับแนวหน้าจาก ธ.กรุงศรี และ BlackRock บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลก
*คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนทำการลงทุน
samsung esg 在 中環十一少 Facebook 的最佳貼文
中國千方百計要蒐集數據,硬推數碼列寧主義,偷資料手法往往防不聲防,一些企業更為賺人民幣而折腰,最新就有Samsung被揭發把港澳版智能手機上網的「資料送中」,助紂為虐,而在了解當中的技術細節後,才發現事情比想像中嚴重。
原來三星最新的旗艦手機香港行貨和部分舊型號,一旦使用 WiFi 網絡,竟會自動連接 114DNS 服務!而所謂DNS,即是一個遠端存取資料的服務,會按用戶所輸入的網址,去取得相關網址的資訊。
至於使用有SIM卡的Samsung手機在使用Wi-Fi網絡時,用戶竟被強制連接中資公司「中國南京信風軟件有限公司」的114.114.114.114 或114.114.115.115。既稱「強制」,用戶當然無法修改相關預設設定,換句話說,Samsung用戶的上網行蹤完全隨時被「老大哥」掌握之中。
這間「信風軟件」的官網介紹,DNS服務為內地大三電訊商適用,中國移動、中國聯通、中國電信,在中國較其餘DNS服務供應商如Google具備「優勢」。
而經IT媒體多次實測,也確認真有其事,連到114DNS服務供應商Coagent Communications,則是一間中資擁有全盤存取權、伺服器位於美國的公司。
對此,Samsung發言人的回覆未有全面否認:「三星非常重視客戶的私隱及個人資料的保護。當手機連接Wi-Fi網絡時,網域名稱系統(DNS)只會傳送網站的IP 地址,並不會儲存任何客戶的個人資料,也不會追蹤用戶所瀏覽的網站或收集瀏覽的內容。我們將不斷為Galaxy產品推出軟件更新,以提升客戶使用體驗。」
事實上,韓國與中國的關係一直千絲萬縷,在國際關係緊張之際,南韓也拒絕美國「清潔網絡」行動要求,未有禁用華為5G,南韓電訊商SK Telecom、KT也被美國國務院標記為不合作對象。
而消費者對一個品牌的信心,往往不只是取決於巧言令色,三星今次風波,無礙在ESG上被香港大打折扣,狹義來說,這絕對值得海關、私隱專員公署需要跟進的。
魑魅魍魎|SAMSUNG手機資料送中 ESG大打折扣
https://bit.ly/31eJ3Zh
samsung esg 在 Samsung Engineering | Seoul - Facebook 的推薦與評價
Today, Samsung Engineering publishes 12th Sustainability Report, which includes ESG performance and future strategies. Especially this year, it identifies ... ... <看更多>
samsung esg 在 【YC開卡<新光銀行ESG銀行信用卡>】指定行動支付無腦5 ... 的推薦與評價
近年環保意識好像也開始在銀行端萌芽了呢星展、玉山、新光...等銀行都陸續發行了自家的環保系卡片再看今天YC準備跟大家方享的卡片之前也可以看看以下 ... ... <看更多>
samsung esg 在 2023 ESG Manifesto | Samsung - YouTube 的推薦與評價
At Samsung, from reducing waste ink, metal or plastic across sourcing, production and packaging lines, our team's endless efforts are at the ... ... <看更多>