แม้คุณจะมั่นใจว่าสินค้าของคุณดีแค่ไหน ก็ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่า จะถูกใจลูกค้าจนเกิดการซื้อขายได้ ถ้าคุณไม่ได้มีเรื่องราวที่ช่วยให้ลูกค้ารู้จักสินค้าของคุณและช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อลูกค้า ซึ่ง “คอนเทนต์ที่ดี” เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดที่จะช่วยให้ลูกค้ารู้จักคุณมากขึ้น และทำให้คุณสามารถกอบโกยยอดขายและผลกำไรได้แบบมหาศาล แต่จะต้องเขียนอย่างไรล่ะ ? เพื่อให้ดึงดูดความสนใจแก่ลูกค้า จนเกิดการตัดสินใจซื้อ และสามารถปิดการขายได้ในที่สุด!
.
1.ก่อนสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจ ต้องรู้จักสินค้าตัวเองให้ดีก่อน เพื่อนำมาเขียนคอนเทนต์ได้ตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
เพราะคอนเทนต์ที่ช่วยให้ขายได้ จำเป็นต้องสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่าย ไม่ซับซ้อน และที่สำคัญคือดึงดูดให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ในทันทีหรือรวดเร็วที่สุด คุณจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจในตัวสินค้าและสิ่งที่คุณต้องการนำมาเขียนก่อน ยิ่งเข้าใจมากเท่าไหร่ จะยิ่งช่วยให้เขียนได้ดีมากเท่านั้น และคนที่มาอ่านเองก็จะรับรู้ความรู้สึกของคุณ รวมถึงเข้าใจในสิ่งที่คุณต้องการสื่อสารมากขึ้น
.
2.เข้าใจเนื้อหาแล้ว ต้องเข้าใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายด้วย ว่า “เขาคือใคร และมีความต้องการอย่างไร”
ต่อให้เขียนดีแค่ไหน แต่เนื้อหาไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารด้วย ก็จบ! ดังนั้น ถ้าต้องการส่งคอนเทนต์เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาสนใจ ต้องทำความรู้จักและเข้าใจกลุ่มเป้าหมายด้วย ทั้งพฤติกรรม ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต การอ่าน ความต้องการ ปัญหา ข้อสงสัย และเงื่อนไขต่างๆ เช่น การเงิน เวลา สุขภาพ ถึงจะทำให้คุณสามารถวางแผนการทำคอนเทนต์ได้ดีขึ้น ยิ่งคุณให้คำตอบและเดาใจลูกค้าได้มากพอ ลูกค้าจะรู้สึกเสี่ยงน้อยลง ส่งผลให้กล้าซื้อสินค้ามากขึ้น
.
ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าต้องการรองเท้าดีๆ สักหนึ่งคู่ แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะซื้อร้านคุณดีไหม เพราะยังลังเลเรื่องของราคา เพราะฉะนั้น ก่อนลูกค้าเห็นราคา คุณต้องทำให้เขาเห็นก่อนว่ารองเท้าร้านคุณ
มีมูลค่าสูงขนาดไหน ดีต่อเท้าแค่ไหน ใส่แล้วสวย ใส่แล้วดูดี ใส่แล้วสบายเท้า ช่วยถนอมสุขภาพเท้า ก็จะทำให้ลูกค้า ยอมจ่ายเงินให้เพราะรู้สึกคุ้มค่ามากกว่าเสียดายเงิน
.
3.ดึงจุดเด่นของสินค้าที่จะช่วยแก้ปัญหา หรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้า แทนการขายแบบยัดเยียดให้เขาต้องซื้อเพียงอย่างเดียว
ต่อให้คุณต้องจะการขายมากแค่ไหน แต่อย่าทำจนเขารู้สึกว่ากำลังถูกยัดเยียด แทนที่จะสนใจ อาจเกิดการต่อต้านและเลื่อนผ่านในที่สุด ดังนั้น ถ้าต้องการขายให้ได้ นอกจากเขียนคอนเทนต์เพื่อขาย คุณอาจต้องใส่ความเป็นกูรูผู้เชี่ยวชาญทั้งตัวสินค้า และเข้าใจปัญหาของลูกค้า โดยดึงจุดเด่นหรือสรรพคุณของสินค้าที่จะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้เขาได้ หรือจะเป็นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ให้ลูกค้าสามารถนำไปต่อยอดใช้ในชีวิตประจำวันได้ ก็จะยิ่งสร้างความน่าเชื่อถือให้สินค้า ทั้งยังเป็นการซื้อใจลูกค้าได้อีกด้วย
.
4.เพิ่ม Call to action หรือคำที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจ มีลูกเล่นลูกชน ที่ไม่ใช่การขายแบบดื้อๆ หรือเป็นคำทื่อๆ ทางการมากเกินไป
“คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรอง” สำนวนนี้ไม่ได้ใช้แค่กับคนเท่านั้น แต่ยังใช้ได้กับสินค้า และคอนเทนต์ อย่างที่บอกว่าสินค้าดีมีคุณภาพไม่ได้ช่วยให้คุณขายได้ แต่คอนเทนต์และการนำเสนอเรื่องราวที่ดีจะช่วยให้คุณขายได้แน่นอน
ดังนั้น คุณต้องเพิ่มเสน่ห์ให้คอนเทนต์ ด้วยการใช้คารมคมคาย มีลูกเล่นลูกชนเข้าสู้ หยอกนิด หยอกหน่อย หรือใช้คำที่กำลังเป็นกระแสในช่วงนั้น ๆ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกสนใจ และมีส่วนร่วมกับคอนเทนต์ หรือคุณอาจจะแอบใส่ Q&A ลงไปในคอนเทนต์ แต่เป็นคุณที่ถามและตอบเอง ประหนึ่งว่าเป็นคำถามจากลูกค้า ก็จะช่วยทำให้เขารู้สึกว่า คุณเดาใจเขาออก รู้ว่าเขากำลังสงสัยอะไร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งข้อที่ช่วยลดความสงสัย และให้เขากล้าตัดสินใจซื้อ
.
5.ส่งท้ายด้วยประโยคหรือคำที่ว่า “ทำไมต้องเลือกสินค้าคุณ เลือกแล้วจะได้อะไร เลือกแล้วดีอย่างไร” ยังไม่พอคุณยังสามารถ “โปรโมทโพสต์” เพิ่มเติมเพื่อให้คนเห็นมากขึ้นได้ด้วย
ก่อนคอนเทนต์จะจบลง คุณต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกค้ารู้สึกคล้อยตาม และเลือกสินค้าของคุณ เช่นการใช้คำที่กินใจ เข้าใจปัญหา ความต้องการเขา และทำให้เขารู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาของเขาได้ แล้วถ้าคุณมั่นใจว่าคอนเทนต์ของคุณดีจริง อย่าปล่อยให้มันเป็นแค่คอนเทนต์ขายของที่มีคนอ่านไม่กี่คน แต่จงโปรโมทออกไปให้คนเห็นเลยว่า มันดีแค่ไหน ซึ่งเมื่อคนเห็นมากขึ้น เท่ากับเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสในการมีลูกค้ามากขึ้นด้วย
.
เพราะการเขียนคอนเทนต์เพื่อ ”ปิดการขาย” ให้คนอ่านกลายมาเป็นลูกค้า ไม่ใช่แค่เขียนให้ผ่านๆ ไป หรือเขียนเพื่อขายอย่างเดียว แต่คุณต้องเขียนให้เขารู้สึกอยากมีส่วนร่วมไปกับคอนเทนต์ และให้เขารู้สึกว่าต้องการสินค้าของเรามากแค่ไหน แต่เพราะความต้องการของพวกเขาไม่เคยหยุดนิ่ง แบรนด์ใดที่คิดไม่ทันใจลูกค้า ผลิตสินค้าล้าหลัง หรือทำคอนเทนต์ออกมาไม่โดนใจลูกค้า ก็อาจส่งผลให้ลูกค้าค่อยๆ ทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ ได้
.
เพื่อโน้มน้าวใจ และให้ลูกค้าจดจำแบรนด์สินค้าของคุณได้ จนเกิดการตัดสินใจซื้อ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษา และทำความเข้าใจลูกค้าเสมอ พร้อมกับใช้ “หลักจิตวิทยา” เข้าช่วยในการเล่าเรื่อง นำเสนออย่างไรให้ลูกค้ารู้ว่าเราทำการบ้านมาอย่างดี ตอบได้ทุกข้อสงสัย แม้ลูกค้ายังไม่ได้ถาม เหมือนกับว่าเรารู้สิ่งที่พวกเขากำลังคิดอยู่ แต่เหนือสิ่งอื่นใด คุณต้องอย่าลืมดึงจุดเด่นและตัวตนของแบรนด์ออกมาให้ได้ ซึ่งคุณอาจต้องให้เวลากับมันก่อน อย่ารีบร้อนจะขาย ถ้ายังไม่เข้าใจสินค้าและลูกค้าดีพอ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณเข้าใจและถ่ายทอดมันออกมาได้อย่างดี รับรองว่าคอนเทนต์นั้นจะทำให้คุณ “ปิดการขาย” ได้อย่างมืออาชีพแน่นอน!
.
ที่มา : https://bit.ly/3smcbJ5
https://bit.ly/3bFDCae
.
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#Content #คอนเทนต์ #ปิดการขาย #โน้มน้าวใจ #มืออาชีพ #เทคนิคเขียนคอนเทนต์ #สินค้า #ลูกค้า
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過87萬的網紅ขุนเขามีคําตอบ - Answers from Khunkhao,也在其Youtube影片中提到,การหมั่นพัฒนาจิตใจของคุณ คือการลงทุนที่ดีที่สุด -ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร- ติดตามหญิงแย้ได้ที่: https://www.youtube.com/user/YaeUUNWS ติดตามผมได้ที...
「หลักจิตวิทยา」的推薦目錄:
- 關於หลักจิตวิทยา 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳貼文
- 關於หลักจิตวิทยา 在 Fit Junctions Facebook 的精選貼文
- 關於หลักจิตวิทยา 在 HR - The Next Gen Facebook 的最佳解答
- 關於หลักจิตวิทยา 在 ขุนเขามีคําตอบ - Answers from Khunkhao Youtube 的最讚貼文
- 關於หลักจิตวิทยา 在 10 เทคนิคจิตวิทยาง่ายๆที่ใช้ได้ผลเสมอ - YouTube 的評價
- 關於หลักจิตวิทยา 在 การตั้งราคาตามหลักจิตวิทยาเพื่อมัดใจผู้บริโภค - YouTube 的評價
- 關於หลักจิตวิทยา 在 Skooldio - หลักจิตวิทยาจะเข้ามาช่วยการออกแบบ UX/UI... 的評價
หลักจิตวิทยา 在 Fit Junctions Facebook 的精選貼文
Live: เคล็ดลับการสร้าง แรงบันดาลใจในการออกกำลังกาย
หลักจิตวิทยา ที่จะพาคุณ ประสบความสำเร็จในด้านอื่นๆในชีวิต
----------------------------
หรือถ้าอยากออกกำลังกาย ถูกวิธี มีเทรนเนอร์ดูแลโภชนาการ
ตอนนี้มีคลาสใหม่ เรียนเป็นกลุ่ม เสาร์ อาทิตย์ รีบสมัครมา ก่อนเต็ม!
สอบถามข้อมูลได้ที่ Line: @fitjunctions
https://line.me/R/ti/p/%40fitjunctions
ติดต่องาน โฆษณา สัมมนา 089-781-4163
หลักจิตวิทยา 在 HR - The Next Gen Facebook 的最佳解答
เมื่อวานนี้มีคำถามนึงน่าสนใจมากเลย ผมยกมาทั้งดุ้นเลยนะ
"นโยบายบางที่ #ไม่สามารถปรับเงินเดือนพนักงานเก่าให้ได้มากกว่า20% ต่อปี แต่สามารถที่จะ #จ้างพนักงานใหม่ในตำแหน่งเดียวกันได้เงินมากกว่าคนเก่า 30-40% ถ้าบอกว่านโยบายเป็นแบบนั้นและค่าแรงตามตลาด ณ ตอนนั้นเป็นแบบนั้นจึงต้องจ้างคนใหม่ด้วยค่าแรงที่สูงกว่า #ทำไมจึงขึ้นค่าแรงพนักงานเก่า 30-40% ไม่ได้"
ผมแสดงความเห็นเท่าที่ข้อมูลผมมีนะ
เรื่องนี้มีต้องใช้ทั้งหลักเศรษฐศาสตร์ หลักจิตวิทยา หลักการบัญชี หลักการปกครองมาวิเคราะห์เลย เผลออาจจะต้องใช้หลักไสยศาสตร์เข้ามาช่วยด้วย
ความเห็นผมนะ คิดต่างได้ไม่ว่ากัน เพราะสุดท้่ายมันก็คือนโยบายที่บริษัทกำหนด #เรืองแบบผมว่าเราต้องยอมรับนะว่ายังไงบริษัทก็ถือไพ่เหนือกว่า ถ้าเราไม่พอใจเราก็คงต้องหาที่ปักหลักใหม่ แต่ถ้าเราเป็นพนักงานตัวพ่อตัวแม่ของบริษัท แบบนั้นเราก็อาจจะมีการ์ดคุ้มครอง ไปต่อรองบริษัทได้ เพราะถ้าเราหายไปเค้าแย่แน่ ถ้าอยากมีการ์ดนี้ ก็ต้องอัพเลเวล อัพสกิลตัวเองนะครับ
เข้าเรื่อง ตอนนี้เรามี 2 เรืองที่พันกันอยู่คือ เรืองแรก #การใช้เงินเพื่อดึงคนเข้ามาทำงาน กับเรืองที่สอง #ใช้เงินรักษาคนไว้กับองค์กร
ตามหลักการบริหาร 2 เรื่องนี้มันคนละวัตถุประสงค์ อันนึงดึงดูด อันนึงรักษา อันที่ดึงดูด อาจจะเป็นการแก้ปัญหา Short Term แต่อันรักษาเป็นการแก้ปัญหาแบบ Long Term แต่ทั้งสองอย่างใช้ข้อมูลอันเดียวกันคือ ราคาตลาด
เอาเรืองการรักษาก่อน เวลาจะปรับเงินเดือนพนักงานขึ้นนะครับ อะไรมั่งที่น่าจะมีผลต่อการขึ้นค่าจ้าง ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ผมให้ 3 ตัว อย่างแรกคือ #เงินเฟ้อแค่ไหน #ผลประกอบการบริษัทดีแค่ไหน แล้วก็ #ตลาดเค้าจ่ายกันแค่ไหน แล้วก็เอามาดูว่าบริษัทมีงบประมาณแค่ไหน
ในขณะที่การดึงคน อย่างแรกคือดูว่า #ตอนนี้เค้าได้เท่าไหร่ ผมเคยบอกเสมอว่าถ้าเป็นผม ถ้าทีใหม่ให้น้อยกว่า 40 % ผมก็คงไม่ไป ผมเอา 40 % นี่เป็นค่าปรับตัว ค่าที่ต้องออกจาก comfort zone บริษัทที่จะดึงคนก็เลยต้องเอามาวิเคราะห์ว่าจ่ายได้แค่ไหนเค้าถึงจะมา เวลาบริษัทเลือกคนเข้ามา โดยหลักจิตวิทยาแล้วเนี่ย อย่างน้อยนะครับความสามารถเค้าต้องได้มาตรฐาน หรือได้เท่ากับคนที่ผลงานกลาง ๆ เมื่อเทียบกับคนที่มีอยู่เดิม ราคาที่ตั้งให้ ก็เลยบวกเอาความคาดหวังเข้่าไปด้วย
แล้ว HR หรือผู้บริหารก็ต้องหันมามองด้วยว่า #คนเดิมของเราเนี่ยได้กันอยู่เท่าไหร่ สมมติมีคน 10 คน เอาเงินเดือนมาเรียงกันเลย คนใหม่ที่จะเข้าเนี่ย เงินเดือนลำดับที่เท่าไหร่นับจากหัวแถว คนที่ 3 คนที่ 5 หรือคนที่ 8 จะเอาลงลำดับที่เท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับว่า บริษัทต้องการดึงเค้าเข้ามาแค่ไหน หรือเค้าจำเป็นแค่ไหน
ว่ากันแรง ๆ ใน 10 เนี่ย มีกี่คนที่บริษัทต้องแคร์จริง ๆ ถ้าต้องแคร์ทั้งหมด 10 คนจนดึงคนเก่ง ๆ เข้ามาร่วมทีมไม่ได้ บริษัทก็อาจจะแย่ อันนี้ต้องเข้าใจบริษัทด้วยนะครับ
บริษัทเองก็ต้องเข้าใจพนักงานด้วยเหมือนกัน ถ้าเราไม่เคยบอกพนักงานเลยว่าเค้าดีแค่แย่ตรงไหน อยู่ ๆ คนใหม่มายังไม่ทำงานเลย เงินเดือนแซงไปละ ถึงบริษัทจะเห็น Profile คนใหม่ว่าเจ๋งยังไง แต่คนเดิมอาจจะไม่เห็นด้วย ใคร ๆ ก็เข้าข้างตัวเองได้ ต้อง Balance ให้ดีนะครับ
สุดท้ายก็กลับมาที่เรืองเดิม ถ้าไม่อยากถูกลืม #ถ้าไม่อยากอยู่หางแถวก็ต้องพัฒนาตัวเองด้วยครับ คนละครึ่งทางนะ
อ่ะ ทีนี้ใครมีความเห็นยังไงหรือมีแนวทางไหนนำเสนอเพิ่มเติม เต็มที่่เลยครับ แต่อย่ามาแค่อารมณ์นะ เอาเหตผลมาด้วยนะครับ ^^
#HRTheNextGen อารมณ์น่ะผมก็มี แต่ถ้าไม่มี __ ก็อดเว้ย ^^
หลักจิตวิทยา 在 ขุนเขามีคําตอบ - Answers from Khunkhao Youtube 的最讚貼文
การหมั่นพัฒนาจิตใจของคุณ
คือการลงทุนที่ดีที่สุด
-ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร-
ติดตามหญิงแย้ได้ที่:
https://www.youtube.com/user/YaeUUNWS
ติดตามผมได้ที่
Official Line:
@kskhunkhao (มีเครื่องหมาย @ ด้วยนะครับ)
ลิ้งก์ https://lin.ee/1VT3k3oPo
Facebook: K.S. Khunkhao
ลิ้งก์ https://bit.ly/2Set3Cz
Instagram: ks_khunkhao
ลิ้งก์ https://bit.ly/2S7lwWm
หลักจิตวิทยา 在 การตั้งราคาตามหลักจิตวิทยาเพื่อมัดใจผู้บริโภค - YouTube 的推薦與評價
การตั้งราคาตาม หลักจิตวิทยา เพื่อมัดใจผู้บริโภค. SME Thailand Channel. SME Thailand Channel. 34.1K subscribers. Subscribe. ... <看更多>
หลักจิตวิทยา 在 Skooldio - หลักจิตวิทยาจะเข้ามาช่วยการออกแบบ UX/UI... 的推薦與評價
หลักจิตวิทยา จะเข้ามาช่วยการออกแบบ UX/UI ให้ดีขึ้นได้อย่างไร มีทฤษฎีอะไรบ้างที่สามารถนำมาปรับใช้ในกระบวนการออกแบบ ลองมาหาคำตอบกับคุณปุ้ม Head of User... ... <看更多>
หลักจิตวิทยา 在 10 เทคนิคจิตวิทยาง่ายๆที่ใช้ได้ผลเสมอ - YouTube 的推薦與評價
คุณไม่ต้องการพลังเวทมนต์ที่จะทำให้มันเกิดขึ้น - แค่เทคนิค จิตวิทยา สมัยเก่า! คุณจะสามารถเป็นผู้ที่อ่านใจและควบคุมความคิดของผู้คนกับคุณโดยไม่ต้อง ... ... <看更多>